กีฬาสามัคคี (ชุมนุม) 

                                             สุรเดช พันธุ์ลี
                                                                                            หัวหน้ากลุ่มภารกิจสารนิเทศ ศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาฯ

  ทุกวันนี้ข่าวเด่นประเด็นร้อนบนหน้า 1 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับและโทรทัศน์ทุกช่อง คงหนีไม่พ้นวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่สร้างความเครียดและวิตกกังวลแก่ประชาชนผู้บริโภคข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ประชาชนคนไทยต่างได้รับผลกระทบในด้านต่างๆจากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้โดยถ้วนหน้า จากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยสวนดุสิตโพล ระหว่างวันที่ 17-19 เมษายนที่ผ่านมา ต่อความวุ่นวายทางการเมืองไทยในวันนี้ว่าส่งผลกระทบต่อประชาชนในเรื่องใดบ้าง อันดับ 1 เกินกว่าครึ่ง (55.63%) เห็นตรงกันว่าทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก อันดับ 2 ไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง 26.74% และอันดับ 3 ทำให้คนทะเลาะกัน แตกแยกกันมากขึ้น 17.63%

  แม้ว่าอุณหภูมิทางการเมืองจะร้อนแรงเพียงใด แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป การแสวงหาความสุขเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากความวุ่นวายทางการเมืองมีด้วยกันหลายวิธี “กีฬา” เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สร้างสรรค์ความสุข ความสนุกสนาน ความตื่นเต้นเร้าใจแก่ทุกคนที่มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะในฐานะผู้เล่นหรือผู้ชมกีฬาก็ตาม ในการแข่งขันกีฬานานาชนิด ทั้งมหกรรมกีฬาในระดับนานาชาติ ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น หรือแม้แต่การแข่งขันกีฬาภายในของบุคลากรในองค์กรและสถาบันการศึกษาต่างๆ ประโยชน์ของกีฬา นอกจากจะช่วยสร้างเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงแล้ว กีฬายังสอนให้เรารู้จักคำว่า “รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้จักให้อภัย” รวมทั้งยังเป็นสื่อกลางที่ทำให้ผู้คนมากมายที่มีทัศนคติและความเห็นต่างทางการเมืองมารวมตัวกันได้ เพื่อชมและเชียร์นักกีฬาหรือทีมกีฬาที่ตนโปรดปรานโดยไม่แบ่งสีเสื้อ นาทีแห่งชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ในเกมการแข่งขัน ทำให้ผู้ชมกีฬาลืมเรื่องราวความขัดแย้งต่างๆที่มีต่อกันมา และได้ข้อคิดดีๆจากเกมกีฬาไปใช้ในชีวิตได้ไม่มากก็น้อย

  นอกจากความสนุกสนานประทับใจในเกมการแข่งขันกีฬาแล้ว สีสันแห่งการกีฬาไม่ว่าจะเป็นการแสดงของเหล่ากองเชียร์ ขบวนพาเหรด และการแสดงต่างๆในพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน เป็นมนต์เสน่ห์ของโลกกีฬาที่ดึงดูดใจให้ทุกคนหลงใหล ปิดท้ายด้วยภาพแห่งความทรงจำที่ตราตรึงใจทุกครั้งที่ได้เห็น ในพิธีปิดการแข่งขันกีฬา นั่นคือการที่นักกีฬาในสนามต่างจับมือกันด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มและร่วม ร้องเพลง “Auld Lang Syne” หรือ “สามัคคีชุมนุม” ซึ่งประพันธ์เนื้อร้องฉบับภาษาไทยโดย เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) นับเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายและ น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่ทุกคนจะอำลาจากสนามแข่งขันกีฬาไปสู่ชีวิตจริง

“พวกเราเหล่ามาชุมนุมต่างกุมใจรักสมัครสมาน
ล้วนมิตรจิตชื่นบานสราญเริงอยู่ทุกผู้ทุกนาม
อันความกลมเกลียวนั่นเป็นใจเดียวประเสริฐศรี
ทุกสิ่งประสงค์จงใจจักเสร็จสมได้ด้วยสามัคคี”

                                                                    ถ้าเป็นไปได้อยากให้บทเพลง”สามัคคีชุมนุม”นี้ก้องอยู่ในใจคนไทยทุกคน...ทุกวัน